เมื่อ Adjective หลายชนิดมาขยายนามพร้อมกัน
แล้วจำเป็นต้องมีหลักเกณฑ์การวางไว้ห่างหรือชิดกับนามตัวนั้นอย่างไร
โอเคค่ะงั้นเรามาดูกันเลยนะคะ อ่านเพิ่มเติม
วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
causative form
ใช้บอกว่าประธานให้คนอื่นทำอะไรให้ แต่ไม่ได้บอกว่าบุคคลนั้นเป็นใคร
เช่น
I will have the house renovated soon. (ฉันจะให้บุคคลอื่นปรับปรุงบ้านให้ใหม่เร็วๆ นี้)อ่านเพิ่มเติม
Direct and Indirect Speech
Direct Speech คือ
การยกคำพูดจริงๆของผู้พูดทั้งหมดมาเล่าให้ฟังโดยไม่เปลี่ยนแปลง
โดยอาศัยการนำคำพูดนั้นมาไว้อยู่ในเครื่องหมายคำพูด (Quotation Marks
(“…”)) อ่านเพิ่มเติม
วันอังคารที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2558
Phrasal verbs
Phrasal verbs หรือ two-word verbs
คือ
การใช้คำกริยาที่ปกติแล้วมีความหมายอย่างหนึ่ง แต่ส่วนประกอบ เมื่อ verb+
preposition or particle มารวมกันเป็น Phrasal verbs แล้ว
อาจจะทำให้เกิดความหมายใหม่ขึ้นมาซึ่งอาจจะไม่มีเค้าความหมายของคำกริยาเดิมเลย
นิยมใช้กันมากในภาษาอังกฤษ
หลักสำคัญในการใช้ Phrasal Verbs หรือ Two-Word
Verbs
1.เมื่อไม่มี direct object ต้องวาง adverb ไว้ติดกับ verb เช่น
- please come in.
- Don't give up, whatever happens.
2. เมื่อมี object pronoun เช่น him,
her, it, them, me, us, เป็น direct object ต้องวาง object เหล่านี้ไว้หน้า adverb เช่น
- I can't make it out. (right)
- I can't make out it.(wrong)
3. เมื่อมี noun เช่น book , pen , houses , etc.เป็น direct
object จะวาง noun ไว้หน้าหรือหลัง adverb ก็ได้
(verb +adverb +noun) หรือ (verb +noun +adverb) เช่น
- Turn on the light. หรือ
- Turn the light on.
4. ตามข้อ 3 ถ้า object เป็นคำยาว
เช่นมี object clause ขยายต้องวางobject ไว้หลัง adverb เช่น
- He gave away every book that he possesed.
(right)
- He gave every book that he possesed away.
(wrong)
5. ในประโยคอุทาน (exclamatory Sentences)ให้วาง adverb ไว้หน้าประโยคยืดหลักดังนี้
5.1 ถ้าประธานเป็น noun เอากริยาตามมาได้เลย
เช่น
-Off went john! = John went
off.
5.2 ถ้าประธานเป็น pronoun ใหัใช้แต่ adverb ไม่ต้องใช้ verb เช่น
-Away they went ! = They went
away.
ประเภทของ Phrasal verbs
1. Inseparable Verbs with no objects คือ phrasal
verb ที่ต้องติดกัน ไม่สามารถแยกจากกันได้ ไม่ต้องมีกรรม เช่น
set off ออกเดินทาง
Speed up เร่งความเร็ว
Wake up ตื่นนอน
Stand up ยืนขึ้น
Come in เข้ามาถึง
Get on ขึ้น (รถ) / เข้ากันได้
Carry on ทำต่อไป
Find out เรียนรู้
Grow up เติบโต
Turn up ปรากฏตัว
2. Inseparable Verbs with objects คือ phrasal
verb ที่ต้องอยู่ติดกัน ไม่สามารถแยกจากกันได้ แต่ต้องมีกรรม เช่น
Look after เลี้ยงดู
Look
into สอบถาม ตรวจสอบ
Run into ชน
Come across พบโดยบังเอิญ
Take after เหมือนถอดแบบ
Deal
with ติดต่อ เกี่ยวข้อง
Go off ออกไป จากไป หยุดทำงาน
Cope with จัดการ
3. Separable verbs คือ ที่แยกจากกันได้ มักจะต้องการกรรม
Turn on เปิด(ไฟ)
Turn off ปิด (ไฟ)
Turn down หรี่ (เสียง)
Swith off ปิด
Look up มองหา
Take off ถอด ออกดินทาง
4. Three-Word Phrasal Verbs คือ phrasal
verb ที่ไม่มีกรรมและบางครั้งมีการใช้บุพบทมากกว่า 1 ตัว เช่น
Get on with ทำต่อไป
ไม่หยุด
Cut down on ลดปริมาณลง
Look out for เตรียมพร้อม
Catch
up with ตามทัน
Run out of หมด
Get down to เอาจริงเอาจัง
Stand up for ปกป้อง
เดือดร้อนแทน Look down to ดูถูก
Look up to ยอมรับนับถือ
Put up
with อดทน
Look out on มองออกไป
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)